เวลาได้ยินคำว่า “รังสี” หลายคนอาจรู้สึกหวาดกลัว นึกถึงภาพโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อุบัติเหตุร้ายแรง หรือภัยที่มองไม่เห็น แต่ความจริงแล้ว รังสีเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราเสมอมา และไม่ได้อันตรายอย่างที่คิดเสมอไป หากเข้าใจอย่างถูกต้อง

 รังสีคืออะไร?
รังสี คือ พลังงานที่แผ่ออกมาในรูปของคลื่นหรืออนุภาค ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ผ่านอากาศ วัตถุ หรือแม้แต่ร่างกายคนได้ โดยรังสีแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ รังสีไม่ก่อไอออน (Non-Ionizing Radiation) เช่น แสงแดด รังสีอินฟราเรด คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ ซึ่งมักใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้า รังสีก่อไอออน (Ionizing Radiation) เช่น รังสีเอกซ์ รังสีแกมมา อนุภาคแอลฟาและบีตา ซึ่งสามารถมีพลังงานสูงจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ได้ แต่ถ้าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ก็ยังถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างมหาศาล

แหล่งรังสีใกล้ตัวที่คุณอาจไม่รู้
จริง ๆ แล้ว เราทุกคนต่างใช้ชีวิตท่ามกลางรังสีทั้งจากธรรมชาติและจากมนุษย์สร้างขึ้น รังสีจากธรรมชาติ

อาหาร เช่น กล้วย มันฝรั่ง ถั่ว หรือแม้แต่นม ล้วนมีโพแทสเซียม-40 ซึ่งปล่อยรังสีเล็กน้อย

ดิน หิน โดยเฉพาะหินแกรนิต ที่มีธาตุยูเรเนียมและทอเรียม
อากาศที่มี “ราดอน” ก๊าซกัมมันตรังสีตามธรรมชาติ
แสงแดด ที่ให้ทั้งความร้อนและรังสีอัลตราไวโอเลต (UV)

รังสีจากมนุษย์สร้างขึ้น
เครื่องเอกซเรย์และ CT Scan ในการแพทย์
เครื่องมืออุตสาหกรรมที่ใช้ตรวจสอบรอยรั่ว
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ผลิตพลังงาน

✅ รังสีไม่ได้น่ากลัวเสมอไป
สิ่งสำคัญคือ ปริมาณการได้รับรังสี เพราะถ้าอยู่ในระดับต่ำ รังสีแทบไม่ส่งผลต่อสุขภาพเลย เช่น
กินกล้วย 1 ลูก ได้รังสีเล็กน้อยเท่ากับการใช้ชีวิตประจำวันปกติ
การเดินทางด้วยเครื่องบิน ก็ทำให้ได้รับรังสีคอสมิกมากกว่าการอยู่บนพื้นดิน
การตรวจเอกซเรย์ 1 ครั้ง ได้รังสีไม่มากนักเมื่อเทียบกับมาตรฐานที่ร่างกายรับได้

ประโยชน์ของรังสีในชีวิตประจำวัน
นอกจากไม่ต้องกลัวแล้ว รังสียังมีประโยชน์มหาศาล เช่น
การแพทย์ : ใช้รังสีเอกซเรย์วินิจฉัยโรค รักษามะเร็งด้วยรังสีรักษา
อาหาร : ใช้รังสีฆ่าเชื้อ ยืดอายุอาหาร เพิ่มความปลอดภัยในการบริโภค
อุตสาหกรรม : ใช้ตรวจสอบรอยรั่วในท่อหรือโครงสร้างโดยไม่ต้องรื้อ
พลังงาน : โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ผลิตไฟฟ้าปริมาณมหาศาล โดยปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำมาก