ในยุคปัจจุบัน คดีความที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างบุคคลในชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การบุกรุกที่ดิน การ ทุบรถหน้าบ้าน หรือแม้แต่ การลักทรัพย์ในพื้นที่ส่วนตัว หลายกรณีที่ไม่สามารถหาหลักฐานได้ชัดเจน กลับถูกตัดสินโดยอาศัยพยานบุคคลที่อาจไม่น่าเชื่อถือ ทว่าในหลายคดีที่ได้รับความเป็นธรรม "กล้องวงจรปิด" กลับกลายเป็นพระเอกของเรื่องที่ช่วยให้ความจริงปรากฏ

**เคสตัวอย่าง: คดีทุบรถหน้าบ้าน เพราะจอดขวางทาง**
ปี 2566  มีคดีหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก เมื่อมีการโพสต์ภาพรถยนต์ที่ถูกของแข็งกระแทกจนฝากระโปรงบุบ และกระจกมองข้างแตกจากการทะเลาะเรื่องที่จอดรถหน้าบ้าน จุดเปลี่ยนของคดีนี้คือ กล้องวงจรปิดภายนอกบ้าน ที่จับภาพบุคคลหนึ่งเดินออกจากบ้าน พร้อมอุปกรณ์ในมือ ก่อนตรงไปยังรถและก่อเหตุอย่างชัดเจน

ผลของคดี : เจ้าของรถนำคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดแจ้งความ และตำรวจใช้เป็นหลักฐานสั่งฟ้องผู้ก่อเหตุ ฐานทำลายทรัพย์สินผู้อื่น

กล้องวงจรปิด: ไม่ใช่แค่กล้อง แต่คือหลักฐานสำคัญในศาล หลายคนยังมองว่า กล้องวงจรปิดเป็นเพียงอุปกรณ์ช่วยดูความเคลื่อนไหว แต่แท้จริงแล้ว ภาพจากกล้องสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาและคดีแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 วรรค 2 ที่บัญญัติให้ภาพและเสียงที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานได้

ทางเลือกใหม่ของกล้องภายนอก: Solar Cell + 4G สำหรับพื้นที่ไม่มีไฟฟ้า หนึ่งในข้อจำกัดของกล้องวงจรปิดแบบดั้งเดิม คือ ต้องต่อไฟฟ้าและ Wi-Fi แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ที่แก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด ได้แก่ กล้องวงจรปิดภายนอกแบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) พร้อม โมดูล 4G LTE ในตัว ที่สามารถใช้งานได้ทันทีแม้ในพื้นที่ห่างไกล เช่น สวนยาง บ้านในชนบท หรือในจุดอับสัญญาณ Wi-Fi

ข้อดี
✅ ไม่ต้องเดินสายไฟ ใช้พลังงานจากแสงแดด
✅ รองรับการส่งข้อมูลผ่านซิม 4G ได้ทันที
✅ บันทึกวิดีโอแบบ Cloud หรือ microSD
✅ ทนแดด ทนฝน สำหรับใช้งานกลางแจ้ง