เมนู Toggle

POPULAR

รู้หรือไม่? รีโมทคอนโทรลไม่ได้มีแค่แบบเดียว! เจาะลึก 4 ประเภทสัญญาณยอดนิยม

รู้หรือไม่? รีโมทคอนโทรลไม่ได้มีแค่แบบเดียว! เจาะลึก 4 ประเภทสัญญาณยอดนิยม

รีโมทคอนโทรลมีมากกว่าที่คิด! ในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบอัตโนมัติกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน รีโมทคอนโทรลก็พัฒนาขึ้นตามไปด้วย ปัจจุบัน รีโมทไม่ได้เป็นเพียงตัวส่งสัญญาณเปิด-ปิดอีกต่อไป แต่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้าน เทคโนโลยีสื่อสาร และ การเชื่อมต่อ ที่หลากหลายมากขึ้นมาดูกันว่าปัจจุบันรีโมทคอนโทรลที่ใช้กันทั่วไป มีสัญญาณแบบใดบ้าง และแต่ละแบบมีวิธีการทำงานอย่างไร

1. รีโมทแบบอินฟราเรด (Infrared - IR)
การทำงาน: รีโมทชนิดนี้ส่งสัญญาณอินฟราเรดไปยังตัวรับ (receiver) ที่อยู่ในอุปกรณ์ เช่น ทีวี แอร์ หรือเครื่องเสียง โดยต้องเล็งรีโมทไปยังตัวรับในระยะใกล้และมุมที่ตรงกัน

ข้อดี:
ราคาถูก
ใช้พลังงานน้อย
ไม่ถูกรบกวนจากสัญญาณอื่นง่าย

ข้อเสีย:
ต้องเล็งตรง
ใช้ได้ระยะสั้น (ปกติไม่เกิน 5 เมตร)
⭐ ตัวอย่างการใช้งาน : รีโมททีวี, รีโมทแอร์, รีโมทโปรเจคเตอร์

2. รีโมทแบบคลื่นวิทยุ (Radio Frequency - RF)
การทำงาน: ใช้คลื่นวิทยุ (เช่น 315 MHz หรือ 433 MHz) เพื่อส่งสัญญาณแบบไร้ทิศทาง สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเล็งตรง และทะลุผ่านสิ่งกีดขวางได้

ข้อดี:
ใช้ได้ระยะไกล (10–100 เมตรขึ้นอยู่กับกำลังส่ง)
ไม่ต้องเล็งตรง
ทะลุกำแพงได้

ข้อเสีย:
เสี่ยงต่อการถูกรบกวนจากคลื่นอื่น
ต้องเข้ารหัสสัญญาณให้ปลอดภัย (เพื่อป้องกันการแฮ็ก)
⭐ ตัวอย่างการใช้งาน : รีโมทประตูรั้ว, รีโมทรถยนต์, รีโมทสัญญาณกันขโมย

3. รีโมทแบบ Bluetooth
การทำงาน: ใช้คลื่นวิทยุในย่านความถี่ 2.4 GHz คล้าย Wi-Fi แต่จำกัดระยะการเชื่อมต่ออยู่ที่ประมาณ 10 เมตร ใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับการจับคู่ (Pairing)

ข้อดี:
เชื่อมต่อเสถียร
ใช้กับอุปกรณ์สมาร์ทโฟนได้
ประหยัดพลังงาน

ข้อเสีย:
ระยะสั้น
อาจเกิดการดีเลย์เล็กน้อย
⭐ ตัวอย่างการใช้งาน : รีโมทกล้อง GoPro, รีโมทสมาร์ททีวี, รีโมทควบคุมเกม

4. รีโมทแบบ Wi-Fi หรือ Cloud-Based
การทำงาน: เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อควบคุมอุปกรณ์ผ่านแอปพลิเคชันหรือ Cloud Platform ได้จากทุกที่ทั่วโลก

ข้อดี:
ควบคุมได้จากระยะไกล (แม้อยู่คนละประเทศ)
รองรับระบบบ้านอัจฉริยะ (Smart Home)
ทำงานร่วมกับคำสั่งเสียง (Voice Command)

ข้อเสีย:
ต้องมีการตั้งค่าและเชื่อมต่อกับ Wi-Fi
หากอินเทอร์เน็ตล่ม อาจใช้งานไม่ได้
⭐ ตัวอย่างการใช้งาน : รีโมท Digital Door Lock, ระบบควบคุมแสงไฟผ่านมือถือ, กล้องวงจรปิดระบบ Smart Home

สรุป : เลือกรีโมทให้เหมาะกับการใช้งาน
✅  ถ้าคุณใช้ควบคุมทีวีหรือแอร์ในบ้านทั่วไป → รีโมทอินฟราเรดก็เพียงพอ
✅  ถ้าใช้ควบคุมอุปกรณ์นอกบ้าน เช่น ประตูรั้ว → รีโมท RF ตอบโจทย์
✅ ถ้าเน้นควบคุมผ่านมือถือหรือสมาร์ทโฮม → รีโมท Wi-Fi หรือ Bluetooth จะเหมาะสม

web-RF433-IR-01.2

เปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็น Smart Home ได้ง่ายๆ ด้วยอุปกรณ์ควบคุมรีโมท IR / RF ในตัวเดียว
หากคุณกำลังมองหาวิธี ควบคุมอุปกรณ์รีโมทต่างๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น แอร์ ทีวี พัดลม รีโมทประตูรั้ว หรือสวิตช์ไฟแบบไร้สาย ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว — อุปกรณ์สมาร์ทโฮมประเภท “Universal Remote Hub” ที่รองรับทั้ง สัญญาณ IR และ RF คือตัวช่วยที่ตอบโจทย์ที่สุด

คุณสมบัติเด่น

  • รองรับทั้งสัญญาณ IR (อินฟราเรด) และ RF (คลื่นวิทยุ) ในอุปกรณ์เดียว
  • เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน เช่น Tuya / Smart Life ควบคุมได้ผ่านสมาร์ทโฟน
  • รองรับการตั้งเวลาเปิด/ปิดอัตโนมัติ (Timer / Schedule)
  • ทำงานร่วมกับ Google Assistant / Alexa เพื่อสั่งงานด้วยเสียง
  • ควบคุมจากนอกบ้านได้ผ่านอินเทอร์เน็ต

ไม่ต้องซื้อรีโมทหลายตัวให้วุ่นวายอีกต่อไป แค่มีตัวนี้ ก็สามารถควบคุมอุปกรณ์ทุกอย่างได้ในมือคุณ!

สนใจสั่งซื้อหรือขอคำแนะนำ อยากเริ่มต้นเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นสมาร์ทโฮม? สอบถามหรือเลือกซื้ออุปกรณ์ควบคุมสัญญาณรีโมท IR/RF ได้แล้ววันนี้ที่

ได้ที่เว็บไซต์ www.jarton.co.th หรือ คลิกเลย >> JARTON Smart Home

ดูวิดีโอแนะนำฟีเจอร์ของ Digital Door Lock รุ่น Venus แบบเต็มๆ ได้ที่นี่ คลิกเพื่อชมวิดีโอบน YouTube

ก่อน รุ่นไหนแน่นปัง? หรือพังเพราะฟักบาง
ต่อไป วิธีดูแลรักษาสแตนเลส 304 และ 316