ชวนทำความรู้จัก ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 กับเบอร์ 5 ติดดาว ต่างกันอย่างไร

          ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ช่วยผลักดันให้ผู้ผลิตพยายามออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยไม่คำนึงถึงรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องลงลึกไปถึงประสิทธิภาพในการใช้งานด้วย เพราะหลังจากมีฉลากเบอร์ 5 ออกมา ผู้ใช้สินค้าจะมองหาเครื่องหมายนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงเป็นการกดดันผู้ผลิตไปโดยปริยาย ในที่สุด เครื่องใช้ไฟฟ้าหลักๆ ที่กินพลังงานไฟฟ้ามากๆ อย่างเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นมีฉลากเบอร์ 5 ยืนยันแทบทั้งสิ้น

          แม้จะปรับเกณฑ์การตรวจสอบเป็นระยะๆ และระบุปีของเกณฑ์พลังงานเอาไว้บนฉลากเบอร์ 5 แต่ถ้าลองค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับฉลากตัวนี้ จะพบว่า มีหลายคนอยากให้ปรับปรุงฉลากใหม่ใหม่ และในปีนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็ได้ทำการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยจัดทำมาตรฐานการประหยัดพลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากประหยัดไฟให้สูงขึ้นกว่าฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เดิม เป็น “ฉลากประหยัดไฟเบอร์5 ติดดาว” ซึ่งเปลี่ยนจากหมายเลขแสดงระดับการประหยัดพลังงานเป็นรูปดาวที่บอกว่าประหยัดไฟยิ่งกว่าเดิม

            เรารู้กันอยู่แล้วว่าฉลากแบบเดิมแทนระดับการประหยัดไฟด้วยเลข 1-5 ยิ่งตัวเลขมีค่ามาก ก็จะยิ่งประหยัดไฟฟ้ามาก แต่สำหรับฉลากรูปแบบใหม่ จะต้องประหยัดเทียบเท่ากับเบอร์ 5 แบบเดิม และเพิ่มเติมคือดาว ตั้งแต่ 1 – 3 ดวง ดังนั้น ถ้าสินค้ายังได้ค่าความประหยัดพลังงานเทียบเท่าเบอร์ 5 เดิม เข็มก็จะชี้อยู่ที่เบอร์ 5 เท่านั้น แต่ถ้าเข็มชี้ที่ดาวมากดวง ก็แปลว่าจะยิ่งประหยัดไฟฟ้ามากขึ้นอีก ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมครับว่าควรจะเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีดาวกี่ดวงดี

            มีคนสงสัยว่าฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 นี้ ยังเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน จะเป็นแค่การติดป้ายหลอกหรือไม่ ขอตอบว่าเชื่อถือได้ ไม่เช่นนั้นแล้ คงไม่มีสินค้าหลายชนิดพยายามทำฉลากที่ดูเหมือนหรือคล้ายกับฉลากเบอร์ 5 เพื่อให้สินค้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นดูน่าเชื่อถือขึ้น และอีกประการหนึ่งคือ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีการสุ่มทดสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หมดความน่าเชื่อถือลงไป

สนใจ JARTON * UNI-Aire แอร์คุณภาพ เย็นฉ่ำ คุ้มค่าทุกการใช้งานคลิก